เจลล้างมือ มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสมหลักกว่า 70 – 95% ซึ่งคำกล่าวนี้ได้รับการยืนยันจากข้อมูลที่ได้รับการเผยแพร่โดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับเจลแอลกอฮอล์ล้างมือว่า “เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ทำมาจากเอทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์ที่มีความสามารถในการฆ่าเชื้อโรคได้หลายชนิด ทั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส เชื้อราและเชื้อโรคต่าง ๆ ที่อาจเป็นอันตรายและส่งผลให้ร่างกายเกิดการเจ็บป่วย โดยเจลแอลกอฮอล์ล้างมือที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการใช้งาน ควรมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ประมาณ 70%”
ปัจจุบันหลายคนหันมาใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือแทนการล้างมือด้วยสบู่ก้อนหรือสบู่เหลว เพราะสะดวกรวดเร็วต่อการใช้งาน ไม่จำเป็นต้องล้างด้วยน้ำ สามารถใช้ได้ทุกที่ทุกเวลาและที่ทำให้เจลแอลกอฮอล์เหนือกว่าคือความสามารถในการฆ่าเชื้อโรคที่ทุกคนหวาดกลัวได้อย่างยอดเยี่ยม
- วิธีการเลือกซื้อเจลแอลกอฮอล์
หลังจากมั่นใจการฆ่าเชื้อโรคแล้ว สิ่งสำคัญก่อนจะเลือกซื้อมาใช้คือ ดูแพคเกจจิ้งว่า มีฉลากชัดเจน ต้องมีรายละเอียดทั้งฉลากภาษาไทย ระบุชื่อ ส่วนผสม วิธีใช้ ผู้ผลิต และวันเดือปีที่ผลิต ภาชนะต้องปิดสนิท หากเทออกมาแล้วมีลักษณะผิดปกติหรือไม่ เช่น แยกชั้น จับตัวเป็นก้อน ตกตะกอน สีเปลี่ยนไป เหล่านี้ให้หลีกเลี่ยง
- การตรวจสอบว่า แพ้หรือไม่
ส่วนที่หลายคนที่ใช้เป็นครั้งแรก อาจกังวลว่าตัวเราเองจะแพ้หรือไม่? สามารถทดสอบได้ง่ายๆ ด้วยการทาเจลเพียงเล็กน้อยตรงท้องแขน และทิ้งไว้ประมาณ 24 ชั่วโมง โดยสังเกตอาการแพ้ได้จาก ผื่นแดง ปวดแสบปวดร้อน หรือบวม หากไม่มีอาการใดๆ ก็สามารถใช้ต่อไปได้
- วิธีการใช้
สำหรับวิธีการใช้นั้นให้เทเจลล้างมือ 2-3 มิลลิลิตร หรือ 2-4 หยด ลงบนฝ่ามือ และถูให้ทั่วทั้งสองมือเป็นเวลาประมาณ 20 วินาที และปล่อยให้แห้งในอากาศ แต่ก็ยังมีข้อควรระวังอยู่เช่นกัน ด้วยความที่เจลนี้มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์ในปริมาณค่อนข้างมาก ซึ่งมีคุณสมบัติติดไฟได้ ดังนั้นหากนำมาทามือแล้วยังไม่แห้ง ควรหลีกเลี่ยงเปลวไฟ รวมถึงผู้ที่สูบบุหรี่ด้วย อีกทั้งไม่ควรใช้กับเด็กทารก หรือบริเวณที่ผิวบอบเบา เช่น รอบดวงตา ผิวอักเสบ มีบาดแผล หรือมีสิว เป็นต้น
ขณะเดียวกันก็ควรเก็บผลิตภัณฑ์ในภาชนะปิดสนิท ในบริเวณที่ไม่ถูกแสงแดด หรือบริเวณที่ร้อน เพราะจะทำให้แอลกอฮอล์ระเหย และความเข้มข้นของแอลกอฮอล์อาจลดลงได้ด้วย